เอกสารกำกับยาภาษาไทย
เรด็อกซอน® ดี พลัส ซิ้งค์
ยาเม็ดฟู่จากไบเออร์
ชื่อผลิตภัณฑ์
เรด็อกซอน® ซี ดี พลัส ซิ้งค์
ชื่อและความแรงของตัวยาสำคัญ
ใน 1 เม็ดฟู่ของ เรด็อกซอน ซี ดี พลัส ซิ้งค์ ประกอบด้วย วิตามินซี (ในรูปกรดแอสคอร์บิก) วิตามินดี (ในรูปโคเลแคลซิเฟอรอล) สังกะสี (ในรูปซิ้งค์ซิเตรต ไตรไฮเดรต 32 มิลลิกรัม)
หน้าที่ของวิตามิน ซี และสังกะสี (ซิ้งค์)
วิตามินซี วิตามินดี และสังกะสี ล้วนมีบทบาทสำคัญในส่วนของสารอาหารและการบำรุงรักษาสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
วิตามินซี วิตามินดี และสังกะสี มีบทบาทสำคัญในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และการต้านทานโรคของร่างกาย
ลักษณะของผลิตภัณฑ์
เม็ดฟู่ รูปกลมแบนทั้งสองด้าน ตัดมุมขอบ มีจุดเล็กๆ สีส้มและมีกลิ่นส้ม
เภสัชพลศาสตร์/ เภสัชจลนศาสตร์
เภสัชพลศาสตร์
กลุ่มทางเภสัชวิทยาในการรักษา: ATC Code: A11GB (วิตามินซี ร่วมกับวิตามินดี และสังกะสี)
วิตามินซี วิตามินดี และสังกะสี
วิตามินซี (กรดแอสคอร์บิก) เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ เนื่องจากเป็นวิตามินที่ไม่สามารถถูกกักเก็บในร่างกายได้ ร่างกายจึงจำเป็นต้องได้รับวิตามิน ซีในปริมาณที่เพียงพออย่างสม่ำเสมอ
วิตามิน ซีและสารเมตาบอไลต์ กรดดีไฮโดรแอสคอร์บิก จะสร้างระบบรีดอกซ์ (redox system) ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาของเอนไซม์หลายชนิดรวมถึงการออกฤทธิ์ของวิตามิน ซี วิตามิน ซีทำหน้าที่เป็นโคแฟกเตอร์ในปฏิกิริยาไฮดรอกซีเลชันและอะมิเดชั่น
ความสำคัญของวิตามิน ซีต่อร่างกายที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดเมื่อมีภาวะบกพร่อง คือ เลือดออกตามไรฟัน วิตามิน ซีมีบทบาทสำคัญในการสร้างไฮดรอกซีโพรลีนจากโพรลีน ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจน อาการต่างๆ ที่พบจากภาวะเลือดออกตามไรฟัน เช่น แผลหายช้า รบกวนการเจริญของกระดูก เส้นเลือดเปราะ และความผิดปกติของการสร้างเนื้อฟัน เป็นผลมาจากการสร้างคอลลาเจนที่บกพร่อง
เช่นเดียวกับวิตามิน ซี ภาวะที่ร่างกายขาดสังกะสีอาจส่งผลต่ออัตราการหายของแผลทั่วๆ ไป แผลในทางเดินอาหาร และแผลกดทับต่างๆ
เช่นเดียวกับวิตามิน ซี ภาวะที่ร่างกายขาดสังกะสีอาจส่งผลต่ออัตราการหายของแผลทั่วๆ ไป แผลในทางเดินอาหาร และแผลกดทับต่างๆ
สังกะสีมีความสำคัญในการบำรุงรักษาการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การตอบสนองของ ที-เซลล์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลาง
วิตามินดี จัดว่าไม่มีฤทธิ์ทางชีวภาพจนกว่าจะถูกเปลี่ยนเป็นเมแทบอไลต์ที่ออกฤทธิ์ทางชีวภาพ คือ 1,25-(OH) 2D หรือ ที่เรียกว่า แคลซิไทรออล นอกจากบทบาทด้านสุขภาพกระดูกตามที่ทราบกันโดยทั่วไป วิตามินดียังมีความสำคัญ ต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอีกด้วย
การขาดวิตามินดีอย่างรุนแรงสามารถเป็นสาเหตุของกลุ่มโรคที่หลีกเลี่ยงได้หลายชนิด รวมถึงโรคกระดูกที่รู้จักกันดี เช่น โรคกระดูกพรุน
ธาตุสังกะสี เช่นเดียวกับวิตามินซี ภาวะที่ร่างกายขาดสังกะสีอาจส่งผลต่ออัตราการหายของแผลทั่วไป แผลในทางเดิน อาหารและแผลกดทับตางๆสังกะสีมีความสำคัญในการบำรุงรักษาการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตอบ สนองของ T-cell ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลาง
เภสัชจลนศาสตร์
วิตามิน ซี วิตามินดี และสังกะสี
การดูดซึม
วิตามินซีส่วนใหญ่จะถูกดูดซึมที่ลำไส้เล็กส่วนบนผ่าน sodium-dependent active transportวิตามินดีถูกรวมเข้าในไคโลไมครอนในลำไส้เล็ก และถูกดูดซึมผ่านระบบน้ำเหลืองผ่านท่อน้ำเหลืองที่ทรวงอก สังกะสีถูกดูดซึมได้ตลอดลำไส้เล็ก
การกระจาย
วิตามินซีที่สะสมอยู่ในร่างกายมีอยู่ประมาณ 1,500 มก. โดยปกติ ความเข้มข้นในเลือดของวิตามินซีอยู่ที่ 10 มิลลิกรัม /ลิตร (60 ไมโครโมล/ลิตร) ความเข้มข้นที่ต่ำกว่า 4 มิลลิกรัม/ลิตร (20 ไมโครโมล/ลิตร) แสดงถึงการได้รับวิตามิน ไม่เพียงพอภายหลังถูกดูดซึมในลำไส้และส่งไปยังตับ วิตามินดีจะถูกเปลี่ยนอย่างรวดเร็วด้วยเอนไซม์ไปเป็น 25-Hydroxy Vitamin D (25-OHD) ซึ่งเป็นรูปของวิตามินดีส่วนใหญ่ที่ไหลเวียนในเลือด มีค่าครึ่งชีวิตประมาณ 10-20 วัน โดยมี เนื้อเยื่อไขมันและกล้ามเนื้อเป็นแหล่งสะสมวิตามินดีที่สำคัญ ปริมาณสังกะสีโดยรวมในร่างกายผู้ใหญ่ จะอยู่ในช่วงประมาณ 2.3 มิลลิโมล (1.5 กรัม) ในผู้หญิง ถึง 3.8 มิลลิโมล (2.5 กรัม) ในผู้ชาย
การเผาผลาญ
วิตามินซีจะถูกเมแทบอไลซ์บางส่วนผ่านการเปลี่ยนกรดดีไฮโดรแอสคอร์บิกไปเป็นกรดออกซาลิก และสารอื่น ๆ เมแทบอไลท์ส่วนใหญ่ของวิตามินดีจะเกิด hydroxylation ด้วยเอนไซม์ในไตและในเนื้อเยื่อเป้าหมาย
การขจัดออก
ค่าครึ่งชีวิตของการกำจัดวิตามินซี ขึ้นอยู่กับช่องทางในการได้รับ ปริมาณที่ได้รับ และอัตราการดูดซึม หลังรับประทาน วิตามินซี 1 กรัม ค่าครึ่งชีวิตจะอยูที่ประมาณ 13 ชั่วโมงวิตามินดีและเมแทบอไลต์ส่วนใหญ่จะถูกขับออกมากับอุจจาระโดยมีน้ำดีเป็นตัวช่วยช่องทางหลักในการขับออกของสังกะสี คือ ระบบทางเดินอาหาร โดยส่วนใหญ่ขับออกทางอุจจาระ
ข้อบ่งใช้
- สำหรับรักษาอาการขาดวิตามินซี วิตามินดี และสังกะสี
- ใช้สำหรับป้องกันและรักษาการขาดวิตามินซี วิตามินดี และสังกะสี ในภาวะที่ร่างกายมีความต้องการเพิ่มขึ้น ได้รับ ไม่เพียงพอ หรือมีความเสี่ยงว่าจะมีการขาดเกิดขึ้น
- วิตามินซี และ สังกะสีมีความจำเป็นต่อกลไกของร่างกายในการป้องกันและต้านทานโรค
ขนาดยาที่แนะนำ
ผู้ใหญ่และเด็กอายุมากกว่า 12 ปี รับประทานวันละ 1 เม็ด เมื่อต้องการหรือตามแพทย์สั่ง
วิธีการใช้ยา
ละลายเม็ดฟู่ เรด็อกซอน ซี ดี พลัส ซิ้งค์ 1 เม็ด ในน้ำเย็น 1 แก้ว แล้วดื่ม
ข้อห้ามใช้
- ผู้ที่แพ้สารออกฤทธิ์ หรือส่วนประกอบใด ๆ ในผลิตภัณฑ์
- ผู้มีภาวะไตวายรุนแรง (อัตราการกรองของไต, GFR <30 มล./นาที) รวมถึงผู้ที่ได้รับการล้างไต
- ผู้เป็นนิ่วในไต (nephrolithiasis) หรือมีประวัตินิ่วในไต
- ผู้มีภาวะออกซาเลตสูงในปัสสาวะ (hyperoxaluria)
- ผู้มีภาวะเหล็กเกินในร่างกาย (hemochromatosis)
คำเตือนและข้อควรระวัง
- ห้ามใช้เกินขนาดที่ระบุ การใช้ยาเกินขนาดทั้งแบบเฉียบพลันและแบบเรื้อรัง จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอาการไม่พึงประสงค์
- ควรระวังเมื่อรับประทานร่วมกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือยาที่มีวิตามินซี วิตามินดี อนุพันธ์ของวิตามินดี และ/หรือ สังกะสี เป็นส่วนประกอบ
- ควรเว้นช่วงรับประทานห่างจากยาชนิดอื่นๆ ประมาณ 4 ชั่วโมง นอกจากระบุไว้เป็นอย่างอื่น
- วิตามินซี อาจมีผลทำให้ผลการทดสอบจากห้องปฏิบัติการเกิดความคลาดเคลื่อน จึงควรแจ้งแพทย์ให้ทราบล่วงหน้าก่อนการ ตรวจวัดวิตามินซี อาจทำให้ผลการวัดของชุดตรวจน้ำตาลในเลือดเกิดความคลาดเคลื่อน
- โปรดอ้างอิงตามคำแนะนำในเอกสารกำกับ ชุดการทดสอบที่ใช้ข้อควรระวังเกี่ยวกับส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์เนื่องจากยานี้มีโซเดียมเป็นส่วนประกอบ จึงควรระวังในผู้ป่วยที่ต้องควบคุมปริมาณโซเดียมตำรับนี้มีสารให้ความหวานไอโซมอลต์ (isomalt)
- ไม่แนะนำให้ใช้ในผู้ที่มีภาวะไม่ทนต่อฟรุกโตสจากพันธุกรรม (hereditary fructose intolerance)
อันตรกิริยากับยาอื่นๆ
พบรายงานที่ชัดเจนของการเกิดอันตรกิริยาสำหรับตัวยาสำคัญเดี่ยว ดังนั้น ผู้ที่ได้รับยาอื่นๆ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรืออยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยานี้ ไม่ควรพบอันตรกิริยาเฉพาะเจาะจงอื่นใด หากใช้ยาตามที่ระบุ
อันตรกิริยากับยาอื่นๆ
วิตามิน ซี
- ดีเฟอร์ร็อกซามีน- วิตามินซีอาจเพิ่มความเป็นพิษของเหล็กในเนื้อเยื่อ โดยเฉพาะหัวใจ ทำให้การทำงานของหัวใจล้มเหลว (cardiac decompensation)
- เหล็ก - วิตามินซีอาจเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก โดยเฉพาะในผู้มีภาวะขาดธาตุเหล็ก การเพิ่มขึ้นของธาตุเหล็กในร่างกายเพียงเล็กน้อยอาจมีความสำคัญในผู้ที่มีภาวะเช่น ผู้มีภาวะเหล็กเกินจากพันธุกรรม หรือในผู้มีภาวะนี้แบบ heterozygous เนื่องจากอาจยิ่งทำให้เหล็กเกินมากขึ้น
- ไซโคลสปอริน-การเสริมสารต้านอนุมูลอิสระรวมทั้งวิตามินซี อาจลดระดับไซโคลสปอรินในเลือด
- อินดินาเวียร์ (ยายับยั้งเอนไซม์โปรตีเอส) – วิตามินซีขนาดสูงจะลดความเข้มข้นของยาอินดินาเวียร์ในเลือดอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจรบกวนประสิทธิภาพของยาอินดินาเวียร์
- วอร์ฟาริน – วิตามินซีขนาดสูงอาจรบกวนประสิทธิภาพของยาวาฟาริน
วิตามินดี 3
ยาขับปัสสาวะไทอะไซด์ – ยาขับปัสสาวะไทอะไซด์ จะลดการขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะ ควรระวังการใช้เมื่อใช้รักษาร่วมกับวิตามินดี ควรตรวจระดับแคลเซียมในเลือดอย่างสม่ำเสมอระหว่างการใช้ร่วมกับยาขับปัสสาวะไทอะไซด์
ยาบางชนิดอาจลดการดูดซึมวิตามินดีในทางเดินอาหาร การแยกเวลารับประทานยาเหล่านี้และวิตามินดีอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ก่อนรับประทานวิตามินดี หรือ 4-6 ชั่วโมง หลังรับประทานวิตามินดี จะช่วยลดอันตรกิริยาเหล่านี้ ได้แก่
- เรซินแลกเปลี่ยนไอออน (เช่น คอเลสไทรามีน)
- ออริสแตท
- ยาระบาย (เช่น มิเนรัล ออย, มะขามแขก)
ควรหลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับอนุพันธ์ของวิตามินดี (เช่น เออร์โกแคลซิเฟอรอล, แคลซิไทรออล และ แคลซิ-โพทริอีน แบบใช้เฉพาะที่) เนื่องจากจะเพิ่มความเสี่ยงของภาวะพิษจากวิตามินดีเกิน และ/หรือ ภาวะแคลเซียมสูงในเลือด
สังกะสี
ธาตุประจุบวกชนิดโพลีวาเลนท์ เช่น สังกะสี จะจับกับสารบางชนิดเกิดเป็นสารเชิงซ้อนส่งผลให้การดูดซึมของทั้งสารทั้งสองตัวลดลง เนื่องจากอันตรกิริยาดังกล่าวเกิดในทางเดินอาหาร การรับประทานยานี้โดยเว้นช่วงห่างจากยาอื่นๆ จะลดความเสี่ยงนี้ได้ โดยปกติเว้นช่วงห่างอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อน หรือ 4-6 ชั่วโมงหลังรับประทานยาอื่น นอกจากระบุไว้เป็นอย่างอื่น สารที่จับเป็นสารเชิงซ้อนเหล่านี้ ได้แก่
- ยาปฏิชีวนะ กลุ่มเตตราไซคลิน
- ยาปฏิชีวนะ กลุ่มควิโนโลน
- เพนนิซิลลามีน
- บิสฟอสโฟเนตส์
- เลโวไทรอกซีน
อันตรกิริยากับผลการทดสอบจากห้องปฏิบัติการ
วิตามินซี
- เนื่องจากวิตามินซีเป็นตัวให้อิเลคตรอนที่แรง จึงอาจไปรบกวนผลการทดสอบจากห้องปฏิบัติการซึ่งเกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาออกซิเดชัน-รีดักชัน เช่น การวิเคราะห์กลูโคส ครีเอทินิน คาร์บามาซีปีน กรดยูริก และฟอสเฟตอนินทรีย์ในปัสสาวะ เลือด และอุจจาระที่มีเลือดปน การเลือกใช้วิธีทดสอบที่เฉพาะเจาะจง หรือการหยุดรับประทานวิตามินซีเสริม จะช่วยหลีกเลี่ยงผลที่อาจคลาดเคลื่อนนี้ได้ ทั้งนี้โปรดอ้างอิงข้อมูลจากผู้ผลิตเครื่องมือทดสอบดังกล่าวเพื่อประกอบการตัดสินใจ
- วิตามินซีอาจไปรบกวนการวัดปริมาณกลูโคสในเลือดและปัสสาวะ ส่งผลให้การอ่านค่าการทดสอบผิดพลาดได้ แม้ว่าจะไม่มีผลต่อระดับกลูโคสในเลือดเลยก็ตาม โปรดอ้างอิงตามคำแนะนำในเอกสารกำกับชุดการทดสอบที่ใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ
สตรีมีครรภ์และสตรีระหว่างให้นมบุตร
การตั้งครรภ์
โดยทั่วไป ผลิตภัณฑ์นี้จัดว่าปลอดภัยสำหรับใช้ในระหว่างตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม จากขนาดของวิตามินซีที่สูงกว่าปริมาณขั้นต่ำที่แนะนำต่อวันในระหว่างตั้งครรภ์ จึงควรปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์นี้
ไม่ควรใช้เกินขนาดที่ระบุไว้บนฉลาก เนื่องจากการใช้เกินขนาดต่อเนื่องยาวนานอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์
ทั้งนี้ให้คำนึงถึงการได้รับวิตามินและ สังกะสีจากแหล่งอื่นด้วย
การให้นมบุตร
โดยทั่วไป ผลิตภัณฑ์นี้จัดว่าปลอดภัยสำหรับใช้ระหว่างให้นมบุตร อย่างไรก็ตาม จากขนาดของวิตามินซีที่สูงกว่าปริมาณขั้นต่ำที่แนะนำต่อวันในระหว่างให้นมบุตร จึงควรปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์นี้
วิตามินและสังกะสีในผลิตภัณฑ์ถูกขับออกในน้ำนมมารดา จึงควรระมัดระวังในการใช้
การเจริญพันธุ์
ไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าระดับปกติของวิตามินและสังกะสีในร่างกาย ทำให้เกิดผลไม่พึงประสงค์ด้านการเจริญพันธุ์ของมนุษย์
อาการไม่พึงประสงค์
ไม่ทราบความถี่ของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่ระบุไว้ต่อไปนี้ (ไม่สามารถประมาณการณ์จากข้อมูลที่มีอยู่)
ความผิดปกติต่อระบบทางเดินอาหาร
ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน ปวดในทางเดินอาหารและช่องท้อง
ความผิดปกติต่อระบบภูมิคุ้มกัน
ปฏิกิริยาภูมิไวเกินที่แสดงออกโดยผลทางคลินิกและห้องปฏิบัติการ ซึ่งรวมถึงภาวะหอบหืด การแพ้เล็กน้อยถึงปานกลางต่อ ผิวหนัง ระบบทางเดินหายใจ ระบบทางเดินอาหาร ระบบหัวใจและหลอดเลือด อาการดังกล่าวรวมถึงผื่น ลมพิษ บวม คัน และระบบหัวใจ-ทางเดินหายใจทำงานลำบากหากสงสัยว่ามีอาการแพ้ ต้องหยุดใช้ผลิตภัณฑ์และปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์
การได้รับยาเกินขนาดและวิธีการรักษา
ไม่มีหลักฐานว่าผลิตภัณฑ์นี้ทำให้ได้รับยาเกินขนาดเมื่อใช้ตามที่ระบุไว้ในฉลาก อาจเป็นข้อยกเว้นกรณีรับประทานวิตามินและสังกะสีจากแหล่งอื่นด้วย
อาการแสดงทั่วไปของการได้รับยาเกินขนาด ได้แก่ การรบกวนระบบทางเดินอาหารมากขึ้น เช่น อาการท้องเสีย คลื่นไส้ และอาเจียน
หากเกิดอาการดังกล่าว ควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์และปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์
การใช้ผลิตภัณฑ์เกินขนาดทั้งแบบเฉียบพลันหรือเรื้อรัง อาจทำให้เกิดความเป็นพิษเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับวิตามินซี วิตามินดี และ/หรือ สังกะสี
อาการแสดงทางคลินิก ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ และผลที่ตามมาจากการได้รับผลิตภัณฑ์เกินขนาด มีความหลากหลายมาก ขึ้นอยู่กับความไวของแต่ละบุคคล และสภาวะโดยรอบ
อาการแสดงทางคลินิกเฉพาะ (เช่น เมื่อรับประทานผลิตภัณฑ์ในขนาด 10 เท่าของปริมาณที่ระบุในฉลาก) อาจเกิดอาการต่อไปนี้:
วิตามิน ซี
การได้รับวิตามินซีเกินขนาดแบบเฉียบพลันหรือเรื้อรัง (> 2 กรัม/วัน ในผู้ใหญ่) อาจทำให้ระดับของออกซาเลตในเลือดและปัสสาวะสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ บางกรณีอาจทำให้เกิดภาวะออกซาเลตสูงในปัสสาวะ มีผลึกแคลเซียมออกซาเลตในปัสสาวะ มีการสะสมของแคลเซียมออกซาเลต เกิดนิ่วในไต เกิดพยาธิสภาพที่อินเตอร์สติเทียลของท่อไต (tubulointerstitial nephropathy) และภาวะไตวายเฉียบพลัน
การได้รับวิตามินซีเกินขนาด (> 3 กรัม/วัน ในเด็ก และ > 15 กรัม/วัน ในผู้ใหญ่) ในผู้ที่มีภาวะขาดเอนไซม์ glucose-6-phosphate dehydrogenase อาจทำให้เกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตกจากออกซิเดชัน หรือภาวะเลือดแข็งตัวในหลอดเลือดแบบแพร่กระจาย (disseminated intravascular coagulation)
วิตามินดี
การรับประทานวิตามินดีมากกว่า 4,000 หน่วยสากล/วัน (100 ไมโครกรัม/วัน) ต่อเนื่องยาวนาน จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดพิษจากวิตามินดีเกิน ผลกระทบหลายอย่างจากความเป็นพิษของวิตามินดีแบบเรื้อรังเกี่ยวข้องกับการเหนี่ยวนำให้เกิดภาวะแคลเซียมสูงในเลือด และภาวะแคลเซียมสูงในปัสสาวะ โดยจะมีอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน น้ำหนักลด ปัสสาวะบ่อย หัวใจเต้นผิดจังหวะ อ่อนเพลีย และเกิดแคลเซียมสะสมในเนื้อเยื่อ
ภาวะแคลเซียมสูงในเลือดมารดาซึ่งอาจเกิดจากการรับประทานวิตามินดีมากเกินไประหว่างตั้งครรภ์ มีความสัมพันธ์กับภาวะแคลเซียมสูงในเลือดทารกแรกเกิด ซึ่งอาจทำให้ทารกเกิดกลุ่มอาการภาวะตีบแคบของเส้นเลือดเข้าหัวใจ (supravalvular aortic stenosis syndrome) ความผิดปกติอื่น ๆ ได้แก่ พยาธิสภาพของจอประสาทตา ความบกพร่องด้านการเจริญเติบโตหรือสติปัญญา ตาเหล่ และผลกระทบอื่น ๆ
สังกะสี
การได้รับสังกะสีเกินขนาด (> 40 มก./วัน ในผู้ใหญ่) อาจทำให้ท้องร่วง ระคายเคืองและการกัดกร่อนทางเดินอาหาร ท่อไตวายเฉียบพลัน การอักเสบของเนื้อเยื่อไต การขาดธาตุทองแดง โรคโลหิตจางแบบ sideroblastic และการอักเสบของประสาทไขสันหลัง
หากสงสัยว่าได้รับผลิตภัณฑ์เกินขนาด ควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์และปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์เกี่ยวกับการรักษาอาการทางคลินิก
สภาวะการเก็บรักษา
เก็บที่อุณหภูมิไม่เกิน 30˚C เก็บยาให้พ้นมือเด็ก เก็บยาไว้ในแผง กล่อง และเก็บยาไว้ในหลอดโดยปิดฝาให้สนิท
เก็บยาให้พ้นมือเด็ก
มีการบรรจุสารกันชื้นที่ฝาหลอด ห้ามเด็กเล่นกับฝาหลอด เพราะอาจกลืนกินสารกันชื้นได้
รูปแบบยาและขนาดบรรจุที่มีจำหน่าย
บรรจุ 15 เม็ดฟู่ ในหลอดอลูมิเนียม
ชื่อและที่อยู่ของผู้นำหรือสั่งยาแผนปัจจุบันเข้ามาในราชอาณาจักร
บริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด
130/1 ถนนสาทรเหนือ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
ผลิตโดย พีที ไบเออร์ อินโดนีเซีย ดีปอก ประเทศอินโดนีเซีย
วันที่มีการแก้ไขปรับปรุงเอกสาร
มิถุนายน 2557.
เอกสารอ้างอิง
- Company Core Data Sheet – Ascorbic acid (or Vitamin C)/ Ascorbic acid (Vitamin C) + Zinc citrate, Version 4.0 (August 2013).
- Medical justification document: Update of 4.1, 4.2, 5.1 and 5.2 (26 Jul 2013).
- Safety justification document: Update of 4.3, 4.4, 4.5, 4.6, 4.7, 4.8, 4.9 and 6.6. (1 Aug 2013).
เรด็อกซอน® ซิ้งค์
ยาเม็ดฟู่จากไบเออร์
ชื่อผลิตภัณฑ์
เรด็อกซอน® ซิ้งค์
ชื่อและความแรงของตัวยาสำคัญ
ใน 1 เม็ดฟู่ ประกอบด้วย
วิตามินซี (ในรูปกรดแอสคอร์บิก) (1666.67% RDI) |
1000 | มิลลิกรัม |
สังกะสี (ในรูปซิ้งค์ ซิเตรต ไตรไฮเดรต 32 กรัม) (66.66% RDI) |
10 | มิลลิกรัม |
หน้าที่ของวิตามิน ซี และสังกะสี (ซิ้งค์)
วิตามิน ซี และสังกะสี (ซิ้งค์) เป็นสารที่จำเป็นต่อร่างกาย
ลักษณะของผลิตภัณฑ์
เม็ดฟู่ รูปกลมแบนทั้งสองด้าน ตัดมุมขอบ มีจุดเล็กๆ สีส้มและมีกลิ่นส้ม
เภสัชพลศาสตร์/ เภสัชจลนศาสตร์
เภสัชพลศาสตร์
กลุ่มทางเภสัชวิทยาในการรักษา: ATC Code: A11GB (สำหรับวิตามิน ซีและสังกะสี)
วิตามิน ซี และสังกะสี
วิตามินซี (กรดแอสคอร์บิก) เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ เนื่องจากเป็นวิตามินที่ไม่สามารถถูกกักเก็บในร่างกายได้ ร่างกายจึงจำเป็นต้องได้รับวิตามิน ซีในปริมาณที่เพียงพออย่างสม่ำเสมอ
วิตามิน ซีและสารเมตาบอไลต์ กรดดีไฮโดรแอสคอร์บิก จะสร้างระบบรีดอกซ์ (redox system) ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาของเอนไซม์หลายชนิดรวมถึงการออกฤทธิ์ของวิตามิน ซี วิตามิน ซีทำหน้าที่เป็นโคแฟกเตอร์ในปฏิกิริยาไฮดรอกซีเลชันและอะมิเดชั่น
ความสำคัญของวิตามิน ซีต่อร่างกายที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดเมื่อมีภาวะบกพร่อง คือ เลือดออกตามไรฟัน วิตามิน ซีมีบทบาทสำคัญในการสร้างไฮดรอกซีโพรลีนจากโพรลีน ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจน อาการต่างๆ ที่พบจากภาวะเลือดออกตามไรฟัน เช่น แผลหายช้า รบกวนการเจริญของกระดูก เส้นเลือดเปราะ และความผิดปกติของการสร้างเนื้อฟัน เป็นผลมาจากการสร้างคอลลาเจนที่บกพร่อง
เช่นเดียวกับวิตามิน ซี ภาวะที่ร่างกายขาดสังกะสีอาจส่งผลต่ออัตราการหายของแผลทั่วๆ ไป แผลในทางเดินอาหาร และแผลกดทับต่างๆ
สังกะสีมีความสำคัญในการบำรุงรักษาการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การตอบสนองของ ที-เซลล์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลาง
เภสัชจลนศาสตร์
วิตามิน ซี และสังกะสี
การดูดซึม
วิตามิน ซีถูกดูดซึมที่ลำไส้เล็กส่วนต้น ผ่านระบบการส่งผ่านที่มีโซเดียมเป็นองค์ประกอบ
สังกะสีถูกดูดซึมได้ตลอดลำไส้เล็ก
การกระจาย
ปริมาณวิตามิน ซีทั้งหมดในร่างกายประมาณ 1500 มิลลิกรัม ความเข้มข้นในเลือดตามปกติคือ 10 มิลลิกรัมต่อลิตร (60 ไมโครโมลต่อลิตร) ถ้าความเข้มข้นต่ำกว่า 4 มิลลิกรัมต่อลิตร (20 ไมโครโมลต่อลิตร) จะบ่งชี้ว่าร่างกายได้รับวิตามิน ซีไม่เพียงพอ ปริมาณสังกะสีทั้งหมดในร่างกายผู้ใหญ่ อยู่ในช่วงประมาณ 2.3 มิลลิโมล (1.5 กรัม) ในผู้หญิงถึง 3.8 มิลลิโมล (2.5 กรัม) ในผู้ชาย
การเผาผลาญ
วิตามิน ซีบางส่วนถูกเมตาบอไลซ์โดยกรดดีไฮโดรแอสคอร์บิก เป็นกรดออกซาลิกและสารอื่นๆ
การขจัดออก
ค่าครึ่งชีวิตในการขจัดออกของวิตามิน ซีขึ้นกับช่องทางการได้รับยา ปริมาณที่ได้รับและอัตราการดูดซึม เมื่อให้ 1 กรัมโดยการรับประทาน ค่าครึ่งชีวิตอยู่ที่ประมาณ 13 ชั่วโมง
ช่องทางหลักในการขับออกของสังกะสี คือ ระบบทางเดินอาหาร โดยส่วนใหญ่ขับออกทางอุจจาระ
ข้อบ่งใช้
ป้องกันและรักษาอาการขาดวิตามิน ซี และสังกะสี ในภาวะที่ร่างกายต้องการเพิ่มขึ้น ได้รับไม่เพียงพอ หรือมีความเสี่ยงว่าจะมีการขาดเกิดขึ้น ทั้งวิตามิน ซี และสังกะสีมีความจำเป็นต่อกลไกของร่างกายในการป้องกันและต้านทานโรค
ขนาดยาที่แนะนำ
ผู้ใหญ่และเด็กอายุมากกว่า 12 ปี รับประทานวันละ 1 เม็ด เมื่อต้องการหรือตามแพทย์สั่ง
วิธีการใช้ยา
ละลายเม็ดฟู่ เรด็อกซอน ซิ้งค์ 1 เม็ด ในน้ำเย็น 1 แก้ว แล้วดื่ม
ข้อห้ามใช้
- ผู้ป่วยที่แพ้ต่อกรดแอสคอร์บิก (หรือกรดแอสคอร์บิก + ซิ้งค์ ซิเตรต) หรือสารประกอบอื่นๆ ในยา
- ผู้ป่วยที่เป็นนิ่วในไต หรือมีประวัติเป็นนิ่วในไต
- ผู้มีภาวะกรดออกซาลิกสูงในปัสสาวะ
- ผู้มีภาวะการทำงานของไตบกพร่องรุนแรงหรือไตวาย (GFR น้อยกว่า 30 มิลลิลิตรต่อนาที) และผู้ที่ต้องได้รับการฟอกไต
- ผู้มีภาวะธาตุเหล็กสูงในเลือด
คำเตือนและข้อควรระวัง
- ไม่ควรรับประทานเกินขนาดที่กำหนด การได้รับวิตามิน ซีเกินขนาดทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง (มากกว่า 2 กรัมต่อวัน) จะเพิ่มความเสี่ยงต่ออาการไม่พึงประสงค์ ซึ่งรวมถึงเกิดการสร้างและสะสมของผลึกแคลเซียม ออกซาเลต ภาวะการทำลายอย่างเฉียบพลันของท่อหน่วยไต และ/หรือ ไตวายเฉียบพลัน
- ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยานี้ หากมีการใช้ผลิตภัณฑ์วิตามินเดี่ยวหรือวิตามินรวม ยาบางประเภท หรืออยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
- ผู้มีภาวะการทำงานของไตบกพร่อง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนได้รับวิตามิน ซีในปริมาณสูง ผู้ที่มีภาวะบกพร่องของเอนไซม์กลูโคส-6-ฟอสเฟต ดีไฮโดรจีเนส ไม่ควรรับประทานยาเกินขนาดที่ระบุบนฉลาก เพราะอาจทำให้เกิดภาวะโลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงแตกได้
- เนื่องจากยานี้มีสังกะสีเป็นส่วนประกอบ ควรเว้นช่วงรับประทานห่างจากยาชนิดอื่นๆ ประมาณ 4 ชั่วโมง นอกจากระบุไว้เป็นอย่างอื่น
- วิตามิน ซีอาจมีผลทำให้ผลการทดสอบจากห้องปฏิบัติการเกิดความคลาดเคลื่อน จึงควรแจ้งแพทย์ให้ทราบล่วงหน้าก่อนการตรวจวัด
- วิตามิน ซีอาจทำให้ผลการวัดของชุดตรวจน้ำตาลในเลือดเกิดความคลาดเคลื่อน โปรดอ้างอิงตามคำแนะนำในเอกสารกำกับชุดการทดสอบที่ใช้
- เนื่องจากยานี้มีฟีนิลอะลานีน (แอสปาร์แตม) เป็นส่วนประกอบ จึงห้ามใช้ในผู้ป่วยที่เป็นฟีนิลคีโตนูเรีย
- เนื่องจากยานี้มีโซเดียมเป็นส่วนประกอบ จึงควรระวังในผู้ป่วยที่ต้องควบคุมปริมาณโซเดียม
อันตรกิริยากับยาอื่นๆ
พบรายงานที่ชัดเจนของการเกิดอันตรกิริยาสำหรับตัวยาสำคัญเดี่ยว ดังนั้น ผู้ที่ได้รับยาอื่นๆ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรืออยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยานี้ ไม่ควรพบอันตรกิริยาเฉพาะเจาะจงอื่นใด หากใช้ยาตามที่ระบุ
อันตรกิริยากับยาอื่นๆ
วิตามิน ซี
- เดสเฟอรริออกซามีน - วิตามินซีอาจเพิ่มความเป็นพิษของธาตุเหล็กในเนื้อเยื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหัวใจ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของหัวใจล้มเหลว
- ไซโคลสปอรีน - การให้สารต้านอนุมูลอิสระเสริมรวมถึงวิตามินซี อาจลดระดับของยาไซโคลสปอรีนในเลือดได้
- ไดซัลฟิแรม - การได้รับวิตามินซีเป็นเวลานานหรือในขนาดสูง อาจรบกวนประสิทธิภาพในการรักษาของไดซัลฟิแรม
- อินดินาเวียร์ (ตัวยับยั้งโปรตีเอส) – วิตามินซีในขนาดสูงจะลดความเข้มข้นในเลือดของอินดินาเวียร์อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจรบกวนประสิทธิภาพในการรักษาของอินดินาเวียร์
- วอร์ฟาริน - การได้รับวิตามินซีในขนาดสูง อาจรบกวนประสิทธิภาพในการรักษาของวอร์ฟาริน
สังกะสี
- ธาตุประจุบวกชนิดโพลีวาเลนท์ เช่น สังกะสี จะจับกับสารบางชนิดเกิดเป็นสารเชิงซ้อนส่งผลให้การดูดซึมของทั้งสารทั้งสองตัวลดลง เนื่องจากอันตรกิริยาดังกล่าวเกิดในทางเดินอาหาร การรับประทานยานี้โดยเว้นช่วงห่างจากยาอื่นๆ จะลดความเสี่ยงนี้ได้ โดยปกติเว้นช่วงห่างอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อน หรือ 4-6 ชั่วโมงหลังรับประทานยาอื่น นอกจากระบุไว้เป็นอย่างอื่น สารที่จับเป็นสารเชิงซ้อนเหล่านี้ ได้แก่
- ยาปฏิชีวนะ กลุ่มเตตราไซคลิน
- ยาปฏิชีวนะ กลุ่มควิโนโลน
- เพนนิซิลลามีน
อันตรกิริยากับอาหาร
วิตามินซี
- เหล็ก:วิตามินซีอาจเพิ่มการดูดซึมเหล็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีภาวะเหล็กบกพร่อง ปริมาณเหล็กที่เพิ่มขึ้นแม้เพียงเล็กน้อย อาจมีผลต่อผู้ที่มีภาวะเหล็กเกินจากความผิดปกติทางพันธุกรรม
สังกะสี
- ทองแดง: สังกะสีอาจลดการดูดซึมของทองแดง
- เหล็ก: ความเข้มข้นสูงของเฟอร์รัส ไอออนจากการรับประทานเหล็กเสริม อาจทำให้ค่าชีวประสิทธิผลของสังกะสีลดลง อันตรกิริยาจะเกิดน้อยลงหากรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมดังกล่าวพร้อมอาหาร
อันตรกิริยากับผลการทดสอบจากห้องปฏิบัติการ
วิตามินซี
- เนื่องจากวิตามินซีเป็นตัวให้อิเลคตรอนที่แรง จึงอาจไปรบกวนผลการทดสอบจากห้องปฏิบัติการซึ่งเกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาออกซิเดชัน-รีดักชัน เช่น การวิเคราะห์กลูโคส ครีเอทินิน คาร์บามาซีปีน กรดยูริก และฟอสเฟตอนินทรีย์ในปัสสาวะ เลือด และอุจจาระที่มีเลือดปน การเลือกใช้วิธีทดสอบที่เฉพาะเจาะจง หรือการหยุดรับประทานวิตามินซีเสริม จะช่วยหลีกเลี่ยงผลที่อาจคลาดเคลื่อนนี้ได้ ทั้งนี้โปรดอ้างอิงข้อมูลจากผู้ผลิตเครื่องมือทดสอบดังกล่าวเพื่อประกอบการตัดสินใจ
- วิตามินซีอาจไปรบกวนการวัดปริมาณกลูโคสในเลือดและปัสสาวะ ส่งผลให้การอ่านค่าการทดสอบผิดพลาดได้ แม้ว่าจะไม่มีผลต่อระดับกลูโคสในเลือดเลยก็ตาม โปรดอ้างอิงตามคำแนะนำในเอกสารกำกับชุดการทดสอบที่ใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ
สตรีมีครรภ์และสตรีระหว่างให้นมบุตร
สตรีมีครรภ์และสตรีระหว่างให้นมบุตร
ยานี้มีความปลอดภัยต่อการใช้ในช่วงตั้งครรภ์หรือระหว่างให้นมบุตร หากใช้ตามที่ระบุบนฉลาก อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลการศึกษาในมนุษย์เพียงพอเพื่อประเมินความเสี่ยงของการรักษาในช่วงตั้งครรภ์หรือระหว่างให้นมบุตร จึงควรใช้เมื่อได้รับคำแนะนำจากแพทย์เท่านั้น ไม่ควรรับประทานเกินขนาดที่ระบุบนฉลาก เพราะการได้รับยาเกินขนาดเป็นเวลานานอาจมีอันตรายต่อทารกในครรภ์และเด็กแรกเกิดได้
วิตามิน ซี และสังกะสี ถูกขับออกทางน้ำนมแม่ได้ จึงควรระมัดระวังในการใช้
การเจริญพันธุ์
ไม่พบหลักฐานว่าระดับปกติของวิตามิน ซี และ/หรือ สังกะสี จะก่อให้เกิดความผิดปกติของระบบสืบพันธุ์ในมนุษย์ได้
อาการไม่พึงประสงค์
อาการไม่พึงประสงค์ต่อไปนี้ได้จากการรายงานภายหลังการอนุมัติทะเบียนตำรับยา และเนื่องจากเป็นรายงานโดยสมัครใจ จึงไม่สามารถระบุประมาณความถี่ของการเกิดอาการได้อย่างชัดเจน
ความผิดปกติต่อระบบทางเดินอาหาร
ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน ปวดในทางเดินอาหารและช่องท้อง
ความผิดปกติต่อระบบภูมิคุ้มกัน
ภูมิแพ้
ปฏิกิริยาภูมิไวเกินที่แสดงออกโดยผลทางคลินิกและห้องปฏิบัติการ ซึ่งรวมถึงภาวะหอบหืด การแพ้เล็กน้อยถึงปานกลางต่อผิวหนัง ระบบทางเดินหายใจ ระบบทางเดินอาหาร และระบบหัวใจและหลอดเลือด อาการดังกล่าวรวมถึงผื่น ลมพิษ บวม คัน ระบบหัวใจ-ทางเดินหายใจทำงานลำบาก ในกรณีที่รุนแรง พบมีรายงานของการช้อคจากการแพ้
การได้รับยาเกินขนาดและวิธีการรักษา
ไม่พบหลักฐานของการได้รับยาเกินขนาด หากใช้ตามที่ระบุบนฉลาก ควรได้รับการเสริมวิตามิน ซี และ/หรือ สังกะสีจากแหล่งอื่นๆ ทดแทน สัญญาณและอาการแสดงออกที่เฉพาะเจาะจงทางคลินิก ผลทางห้องปฏิบัติการ และผลจากการได้รับยาเกินขนาด มีความหลากหลายสูงขึ้นกับความไวต่อยาของแต่ละบุคคล รวมถึงปัจจัยอื่นๆ
อาการทั่วไปที่อาจพบ ได้แก่ ไม่สบายท้อง เช่น ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน ควรหยุดยาและปรึกษาแพทย์ หากเกิดอาการดังกล่าว
อาการแสดงทางคลินิกที่เฉพาะเจาะจง อาจรวมถึง
วิตามิน ซี
การได้รับวิตามิน ซีอย่างเฉียบพลันและเรื้อรังจากแหล่งต่างๆ มากกว่า 1200 มิลลิกรัมต่อวันในเด็กอายุ 9-13 ปี มากกว่า 1800 มิลลิกรัมต่อวันในวัยรุ่นอายุ 14-18 ปี และมากกว่า 2000 มิลลิกรัมในผู้ใหญ่ จะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดอาการไม่พึงประสงค์
การได้รับวิตามิน ซีเกินขนาดอย่างเฉียบพลันหรือเรื้อรัง (มากกว่า 2 กรัมต่อวัน) อาจทำให้ระดับของออกซาเลตในเลือดและปัสสาวะสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดภาวะกรดออกซาลิกสูงในปัสสาวะ มีผลึกแคลเซียม ออกซาเลตในปัสสาวะ การสะสมของผลึกแคลเซียม ออกซาเลต เกิดนิ่วในไต ทำให้เกิด tubulointerstitial nephropathy และไตวายเฉียบพลันได้ ดังนั้น ผู้ที่มีภาวะการทำงานของไตบกพร่องเล็กน้อยถึงปานกลางจึงอาจไวต่อความเป็นพิษของวิตามิน ซีแม้ได้รับในขนาดต่ำ จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยานี้
ผู้ป่วยที่มีภาวะกรดออกซาลิกสูงในปัสสาวะ เป็นนิ่วในไต หรือมีประวัติเป็นนิ่วในไต มีภาวะการทำงานของไตบกพร่องรุนแรง และผู้ที่ได้รับการฟอกไต จะไวต่อความเป็นพิษของวิตามิน ซีในขนาดที่ใช้ในการรักษา จึงห้ามใช้ในผู้ป่วยเหล่านี้
ผู้ป่วยที่มีภาวะธาตุเหล็กสูงในเลือด การได้รับวิตามิน ซีสูงเป็นเวลานาน (มากกว่า 500 มิลลิกรัมต่อวันในผู้ใหญ่) อาจทำให้ภาวะธาตุเหล็กเกินแย่ลง และส่งผลให้เกิดการทำลายเนื้อเยื่อ จึงห้ามใช้ในผู้ป่วยเหล่านี้
ในผู้ป่วยที่มีภาวะบกพร่องของเอนไซม์กลูโคส-6-ฟอสเฟต ดีไฮโดรจีเนส การได้รับวิตามินซี เกินขนาด (มากกว่า 3 กรัมต่อวันในเด็ก และมากกว่า 15 กรัมต่อวันในผู้ใหญ่) อาจส่งผลให้เกิดการสลายของเม็ดเลือดแดง หรือมีภาวะลิ่มเลือดกระจายไปทั่วหลอดเลือด
สังกะสี
อาการแสดงทางคลินิกของการได้รับสังกะสีเกินขนาดจากแหล่งต่างๆ ทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง อาจสังเกตได้เมื่อได้รับมากกว่า 23 มิลลิกรัมต่อวันในเด็กอายุ 9-13 ปี มากกว่า 34 มิลลิกรัมต่อวันในวัยรุ่นอายุ 14-18 ปี และมากกว่า 40 มิลลิกรัมในผู้ใหญ่
การได้รับสังกะสีเกินขนาด อาจทำให้เกิดการระคายเคืองและการกัดกร่อนทางเดินอาหารได้ มีการทำลายอย่างเฉียบพลันของท่อหน่วยไต ไตอักเสบ ภาวะทองแดงบกพร่อง โลหิตจางชนิด Sideroblastic และโรคของเส้นประสาท
หากสงสัยว่าได้รับยานี้เกินขนาด ให้หยุดใช้ยาและพบแพทย์ เพื่อรักษาอาการแสดงทางคลินิกเหล่านั้น วิตามิน ซีถูกกำจัดได้โดยการฟอกไต
สภาวะการเก็บรักษา
เก็บยาไว้ในหลอดโดยปิดให้สนิท ป้องกันไม่ให้ถูกแสงและความชื้น เก็บที่อุณหภูมิไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส
เก็บยาให้พ้นมือเด็ก
มีการบรรจุสารกันชื้นที่ฝาหลอด ห้ามเด็กเล่นกับฝาหลอด เพราะอาจกลืนกินสารกันชื้นได้
รูปแบบยาและขนาดบรรจุที่มีจำหน่าย
บรรจุ 15 เม็ดฟู่ ในหลอดอลูมิเนียม
ชื่อและที่อยู่ของผู้นำหรือสั่งยาแผนปัจจุบันเข้ามาในราชอาณาจักร
บริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด
130/1 ถนนสาทรเหนือ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
ผลิตโดย พีที ไบเออร์ อินโดนีเซีย ดีปอก ประเทศอินโดนีเซีย
วันที่มีการแก้ไขปรับปรุงเอกสาร
มิถุนายน 2557.
เอกสารอ้างอิง
- Company Core Data Sheet – Ascorbic acid (or Vitamin C)/ Ascorbic acid (Vitamin C) + Zinc citrate, Version 4.0 (August 2013).
- Medical justification document: Update of 4.1, 4.2, 5.1 and 5.2 (26 Jul 2013).
- Safety justification document: Update of 4.3, 4.4, 4.5, 4.6, 4.7, 4.8, 4.9 and 6.6. (1 Aug 2013).